HP PC - ไม่พบไดรฟ์ CD/DVD (Windows 10)

ตรวจสอบชื่อไดรฟ์ CD/DVD ในตัวจัดการอุปกรณ์ และติดตั้งไดรฟ์อีกครั้งในตัวจัดการอุปกรณ์เพื่อดูว่า Windows รู้จักไดรฟ์ได้หรือไม่

1. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์)

2. ดับเบิลคลิกที่ DVD/CD-ROM drives (ไดร์ฟ DVD/CD-ROM) เพื่อขยายหมวดรายการ

   หากไดรฟ์ DVD/CD-ROM ไม่อยู่ในรายการ ให้ไปที่เปิดปิดคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ไขปัญหาไดรฟ์ CD/DVD

   

3. คลิกขวาที่ชื่อไดรฟ์และเลือก Uninstall (ถอนการติดตั้ง)

   

4. หากหน้าต่างยืนยันปรากฏขึ้น ให้เลือก OK (ตกลง) หรือ Yes (ใช่)

   ชื่อไดรฟ์จะถูกลบออกจากรายการ (และหมวดหมู่ไดรฟ์ DVD/CD-ROM จะถูกลบออกด้วยหากมีเพียงไดรฟ์เดียว)

5. จาก Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) คลิก Action (ดำเนินการ) จากนั้นเลือก Scan for hardware changes (สแกนการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์) จากนั้นรอให้ Windows ค้นหาและติดตั้งอุปกรณ์ CD/DVD

   

   หลังทำการติดตั้งเสร็จสิ้น ชื่อไดร์ฟควรจะปรากฏขึ้นในตัวจัดการอุปกรณ์

6. เปิดหมวดหมู่ของไดรฟ์ DVD/CD-ROM อีกครั้ง และดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่แสดงใน ไดรฟ์ DVD/CD-ROM:

   • หากไม่มีชื่อไดรฟ์ DVD/CD แสดงว่า Windows ไม่พบไดรฟ์นั้น สแกนหาการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์อีกครั้งเพื่อพยายามตรวจจับไดรฟ์ หากยังไม่พบไดรฟ์ ให้ปิดตัวจัดการอุปกรณ์ เสียบสายไดรฟ์ใหม่หากจำเป็น แล้วไปที่ เปิดปิดคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ไขปัญหาไดรฟ์ CD/DVD

   • หากชื่อไดรฟ์ปรากฏขึ้นพร้อมกับไอคอนการแจ้งเตือน (ไอคอนไดรฟ์จะถูกกำกับด้วยเครื่องหมายแจ้งเตือน ) ดับเบิลคลิกที่ชื่อไดรฟ์เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ดำเนินการต่อไปนี้โดยขึ้นกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นในส่วนสถานะอุปกรณ์:

     • หากรหัสข้อผิดพลาด 10, 19, 31, 32, 30 หรือ 41 ปรากฏขึ้นภายในส่วน Device Status (สถานะอุปกรณ์) แสดงว่ามีปัญหาในการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์เขียนแผ่น CD ก่อนหน้า ไปที่ การล้างตัวกรองรีจิสทรีช่วงบนและช่วงล่าง เพื่อลบตัวกรองควบคุมที่เกี่ยวข้องจากรีจิสทรี

     • สำหรับข้อผิดพลาดอื่น ดูข้อมูลที่มีให้พร้อมกับรหัสข้อผิดพลาดนั้น

   • หากชื่อไดรฟ์ปรากฏขึ้นพร้อมกับไอคอนปิดใช้งาน (ไอคอนไดรฟ์จะถูกกำกับด้วยเครื่องหมายลูกศรชี้ลง ) แสดงว่าไดรฟ์นั้นถูกปิดใช้งาน คลิกขวาที่ชื่อไดรฟ์และเลือก เปิดใช้งาน คุณอาจต้องรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ไดรฟ์ควรทำงานได้ถูกต้องหลังจากที่เปิดใช้งาน

     หากไม่สามารถเปิดใช้งานไดรฟ์ได้ บริการซอฟต์แวร์หรือไดรเวอร์ที่ต้องการจะถูกปิดใช้งานหรือไม่ทำงานอย่างที่ควรจะเป็น

     • ดับเบิลคลิกที่ ตัวควบคุม IDE ATA/ATAPI ในตัวจัดการอุปกรณ์เพื่อดูว่ามีปัญหาหรือไม่และแก้ไขปัญหานั้นตามรหัสข้อผิดพลาดนั้น

     • การรีเซ็ต BIOS อาจช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้เช่นกัน

       1. ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

       2. กดปุ่ม เปิดปิด จากนั้นกด esc ซ้ำๆ จน Startup Menu (เมนูเริ่มการทำงาน) เปิดขึ้นมา จากนั้นกด f10 เพื่อเข้าไปยัง BIOS

       3. บนโน้ตบุ๊ก กด f9 เพื่อไปยังการตั้งค่าเริ่มต้น จากนั้นกด enter แล้วกด f10 อีกครั้งเพื่อบันทึกและออกจากเมนู

          บนคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป ใช้ปุ่มลูกศรไปที่แท็บ File (ไฟล์) จากนั้นเลือก Apply Defaults and Exit (ใช้ค่าเริ่มต้นแล้วออก) จากนั้นกด enter แล้วกด enter อีกครั้งเพื่อยืนยัน

   • หากไดรฟ์ CD/DVD ปรากฏตามปกติ โดยไม่มีไอคอนพิเศษ กำกับ แสดงว่า Windows ตรวจพบไดรฟ์แต่ซอฟต์แวร์อื่นที่ใช้เขียนดิสก์อาจไม่สามารถตรวจพบไดรฟ์ ไปที่ ซอฟต์แวร์เขียนแผ่นดิสก์ไม่พบไดรฟ์ สำหรับขั้นตอนในการทำให้ซอฟต์แวร์เขียนแผ่นตรวจพบไดรฟ์

หาก Windows ไม่เปิดขึ้นมาหลังจากที่คุณใส่แผ่น CD/DVD ลงในไดรฟ์ CD/DVD และไดรฟ์ไม่ปรากฏใน File Explorer อาจมีปัญหาที่ฮาร์ดแวร์ Windows มีตัวแก้ไขปัญหาที่ตรวจหาปัญหาของฮาร์ดแวร์ เช่น ไดรฟ์ CD/DVD

1. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด Control Panel (แผงควบคุม)

2. จากช่อง Search (ค้นหา) ของแผงควบคุม พิมพ์ troubleshooting จากนั้นกด enter

   

3. จากหน้าต่าง Troubleshooting (การแก้ไขปัญหา) เลือก Hardware and Sound (ฮาร์ดแวร์และเสียง) จากนั้นไล่รายการเพื่อเลือก Video Playback (เล่นวิดีโอ)

   

4. ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อตรวจหาและแก้ไขปัญหา

ภายใต้เงื่อนไขบางประการ ไดรฟ์ CD/DVD อาจไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Windows ได้แม้ว่าจะรีสตาร์ท Windows แล้ว ทำให้เกิดปัญหาในการตรวจหา CD หรือ DVD การรีเซ็ตระบบไฟคอมพิวเตอร์อาจสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้

1. กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ 5 วินาทีเพื่อปิดคอมพิวเตอร์อย่างสมบูรณ์

2. รอจนกว่าคอมพิวเตอร์จะปิดการทำงานทั้งหมด จากนั้นปลดสายไฟจากคอมพิวเตอร์

3. หากใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ให้นำแบตเตอรี่ออกจากรางแบตเตอรี่ รอประมาณ 10 วินาที จากนั้นใส่แบตเตอรี่เข้าไปใหม่ หากโน้ตบุ๊กมีซีลแบตเตอรี่ที่เคส และไม่สามารถนำแบตเตอรี่ออกได้ง่าย หรือหากคุณมีคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป ให้ข้ามขั้นตอนนี้

4. หลังจากรออย่างน้อย 10 วินาที ให้ต่อสายไฟเข้าที่คอมพิวเตอร์ใหม่

5. เปิดคอมพิวเตอร์และรอให้ Windows เริ่มการทำงาน หากมีข้อความปรากฏขึ้นโดยระบุว่า Windows กำลังติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่ ให้รอ Windows ให้ประมวลผลเสร็จสิ้นก่อนตรวจสอบว่าไดรฟ์ CD/DVD พร้อมใช้งานหรือไม่

ในกรณีที่ใช้เครื่องเดสก์ทอป ให้ทำตามขั้นตอนในหัวข้อนี้เพื่อตรวจสอบการต่อสายไดร์ฟ CD/DVD

1. ปิดคอมพิวเตอร์ ถอดสายทั้งหมดจากคอมพิวเตอร์ จากนั้นกดปุ่มเปิด/ปิดเป็นเวลาห้าวินาที

2. ถอดแผงปิดด้านข้าง

   ข้อควรระวัง:

   ขอบของแผงโลหะอาจบาดผิวหนังได้ โปรดระมัดระวังอย่าให้ผิวหนังสัมผัสถูกขอบโลหะด้านในของคอมพิวเตอร์

   

3. ค่อย ๆ ถอดสายข้อมูลและสายไฟออกจากด้านหลังของไดรฟ์ CD/DVD

   

   1. สายไฟ

   2. สายข้อมูล

4. เสียบต่อสายไฟและสายข้อมูลเข้าที่ด้านหลังของไดรฟ์อีกครั้ง โดยตรวจดูให้แน่ใจว่าสายต่อเข้ากับช่องเสียบแน่นสนิทดี และไม่มีส่วนขาโค้งงอ

5. ถอดสายข้อมูลไดรฟ์ CD/DVD จากขั้วต่อบนเมนบอร์ดอย่างระมัดระวัง แล้วต่อกลับไปใหม่ ระวังอย่าให้สายเคเบิลอื่นหลุด

6. หากไดรฟ์ CD/DVD ไม่ใช่อุปกรณ์ดั้งเดิม และเพิ่งติดตั้งเข้าไป ตรวจดูให้แน่ใจว่าสายไดรฟ์ติดตั้งได้ถูกต้อง

7. ใส่แผงปิดด้านข้างกลับเข้าที่และเสียบสายไฟ สายแป้นพิมพ์ สายเมาส์ และสายวิดีโอ

   ข้อควรระวัง:

   ขอบของแผงโลหะอาจบาดผิวหนังได้ โปรดระมัดระวังอย่าให้ผิวหนังสัมผัสถูกขอบโลหะด้านในของคอมพิวเตอร์

   

8. ตรวจสอบว่าชื่อไดรฟ์ปรากฏขึ้นใน BIOS หรือไม่ ดู ตรวจสอบว่าไดรฟ์ CD/DVD ของ PC เดสก์ทอปปรากฏขึ้นใน BIOS หรือไม่

9. ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ขึ้นกับสิ่งที่ปรากฏใน BIOS:

   • หากชื่อไดรฟ์ปรากฏขึ้น แสดงว่า BIOS รู้จักไดรฟ์ ดังนั้น Windows ควรรู้จักไดรฟ์ด้วย

     • หาก Windows รู้จักไดรฟ์ แสดงว่าคุณแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว

     • หาก Windows ไม่รู้จักไดรฟ์ ให้ทำซ้ำขั้นตอนใน ตรวจสอบชื่อไดรฟ์ CD/DVD ในตัวจัดการอุปกรณ์ จากนั้น ให้แก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์การเขียนแผ่นดิสก์ หากจำเป็น

   • หากชื่อไดรฟ์ยังคงไม่ปรากฏขึ้น ให้เปลี่ยนสายเคเบิล เปลี่ยนไดรฟ์ หรือนำคอมพิวเตอร์ไปซ่อมแซม

     หมายเหตุ:

     หากคุณสงสัยว่าไดรฟ์อาจไม่ดีหลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ให้ทดสอบไดรฟ์เพื่อดูว่าฮาร์ดแวร์ขัดข้องหรือไม่ ไปที่ ทดสอบเพื่อค้นหาความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ของออปติคอลไดรฟ์

ล้างค่าตัวกรองรีจิสทรีของรหัสข้อผิดพลาดตัวจัดการอุปกรณ์ 10, 19, 31, 32, 39 หรือ 41

1. ถอดสายของอุปกรณ์ Plug and Play (เสียบแล้วใช้ได้ทันที) ภายนอกที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออก โดยเฉพาะกล้องถ่ายรูป

2. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด regedit (แก้ไขรีจิสทรี)

   หากคุณได้รับแจ้งให้ใส่รหัสผ่านผู้ดูแลระบบหรือยืนยัน ให้พิมพ์รหัสผ่านหรือยืนยัน

   

3. เลือก Computer (คอมพิวเตอร์) ในหน้าต่างหลัก

   

4. คลิก File > Export พิมพ์ชื่อไฟล์ที่จำง่าย แล้วคลิก Save (บันทึก)

   สำเนาของรีจิสทรีจะถูกบันทึกในโฟลเดอร์เอกสารเพื่อสำรองไว้ใช้ หากมีปัญหาเกิดขึ้นหลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ให้เรียกดูไฟล์และดับเบิลคลิกเพื่อเรียกคืนรีจิสทรี

5. คลิกลูกศรที่อยู่ติดกับแต่ละรายการต่อไปนี้ในรายการเพื่อขยายรายการ:

   • HKEY_LOCAL_MACHINE

   • SYSTEM

   • CurrentControlSet

   • Control

   • Class

6. เลือก 4D36E965-E325-11CE-BFC1-08002BE10318 ตรวจสอบว่าคุณได้เลือกชื่อคีย์นี้แล้ว

7. หากค่า LowerFilters ปรากฏที่ด้านขวาของหน้าต่างแก้ไขรีจิสทรี ให้เลือกค่า LowerFilters และกดปุ่ม delete ยืนยันการลบโดยการคลิก Yes (ใช่)

   

8. หากมีค่า UpperFilters ปรากฏด้วย ให้เลือก UpperFilters ในด้านขวาของหน้าต่างและกดปุ่ม delete ยืนยันการลบโดยการคลิก Yes (ใช่)

9. ลบค่า UpperFilters และ LowerFilters อื่นทั้งหมดภายในคีย์ 4D36E965-E325-11CE-BFC1-08002BE10318 ออก หากมี

10. เลือก Registry Editor รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ และรอให้ Windows กำหนดค่าไดรเวอร์ที่จำเป็นสำหรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ขณะนี้ Windows ควรรู้จักดิสก์ไดรฟ์นั้น

11. คุณอาจต้องถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์การบันทึกดิสก์ของคุณ รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ติดตั้งซอฟต์แวร์การเขียน CD/DVD อีกครั้ง แล้วรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์อีกครั้งหากซอฟต์แวร์ไม่รู้จักไดรฟ์อีก ดู ซอฟต์แวร์เขียนแผ่นไม่พบไดรฟ์

การอัพเกรดระบบปฏิบัติการหรือการติดตั้งซอฟต์แวร์บางประเภทอาจทำให้ซอฟต์แวร์การบันทึกอื่นสูญเสียการเชื่อมต่อไปยังไดรฟ์ การติดตั้งซอฟต์แวร์ที่สามารถเขียนดิสก์ ซอฟต์แวร์เพลงบางประเภท และซอฟต์แวร์การสร้าง/ถอดรหัส DVD บางประเภทสามารถทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ได้

1. ใน Windows ให้ค้นหาและเปิด Add or remove programs (เพิ่มหรือลบโปรแกรม)

2. คลิกขวาที่ CyberLink Power2Go และคลิก Uninstall (ถอนการติดตั้ง)

3. หลังจากถอนการติดตั้ง CyberLink Power2Go ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

4. หลังจากคอมพิวเตอร์รีสตาร์ท ตรวจสอบ Microsoft Store แอพหลายแอพที่ติดตั้งมาให้แล้วในคอมพิวเตอร์ของคุณจะสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีในแอพ Microsoft Store สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสนับสนุน ให้ไปที่ HP PCs - ปัญหากับแอพใน Windows 10

5. ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อติดตั้ง Cyberlink Power2Go อีกครั้ง แล้วเปิดแอพ

6. ตรวจสอบว่าชื่อไดรฟ์ปรากฏขึ้นเป็นตัวเลือกปลายทาง

เปลี่ยนค่ารีจิสทรี PxHelp20

1. จาก Windows ให้ค้นหาและเปิด regedit (แก้ไขรีจิสทรี)

2. เลือก Computer (คอมพิวเตอร์) ในหน้าต่างหลัก

   

3. คลิก File > Export พิมพ์ชื่อไฟล์ที่จำง่าย แล้วคลิก Save (บันทึก)

   สำเนาของรีจิสทรีจะถูกบันทึกในโฟลเดอร์เอกสารเพื่อสำรองไว้ใช้ หากมีปัญหาเกิดขึ้นหลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ให้เรียกดูไฟล์และดับเบิลคลิกเพื่อเรียกคืนรีจิสทรี

4. คลิกลูกศรที่อยู่ติดกับแต่ละรายการต่อไปนี้ในรายการเพื่อขยายรายการ:

   • HKEY_LOCAL_MACHINE

   • SYSTEM

   • CurrentControlSet

   • Control

   • Class

5. เลือก 4D36E965-E325-11CE-BFC1-08002BE10318 ตรวจสอบว่าคุณได้เลือกชื่อคีย์นี้แล้ว

6. หากค่า LowerFilters ปรากฏที่ด้านขวาของหน้าต่างแก้ไขรีจิสทรี ให้เลือกค่า LowerFilters และกดปุ่ม delete ยืนยันการลบโดยการคลิก Yes (ใช่)

7. ขณะที่ยังเลือกคีย์ 4D36E965-E325-11CE-BFC1-08002BE10318 คลิกขวาที่พื้นที่ว่างทางด้านขวาของหน้าต่างตัวแก้ไขรีจิสทรี (บานหน้าต่างแสดงค่าทั้งหมดภายในคีย์)

8. เลือก New > Multi-String Value

   

9. แทนที่ข้อความเริ่มต้นสำหรับค่า Multi-String ใหม่โดยการพิมพ์ข้อความต่อไปนี้ แล้วกด enter:

   LowerFilters

10. คลิกขวาที่ค่า LowerFilters (ตัวกรองส่วนล่าง) ใหม่ และเลือก modify (ปรับเปลี่ยน)

11. พิมพ์ข้อความต่อไปนี้ลงในช่อง Value Data (ข้อมูลค่า):

    PxHelp20

12. คลิก OK (ตกลง)

    ค่า LowerFilters ใหม่ที่มีข้อมูล PxHelp20 จะแสดงในหน้าต่างตัวแก้ไขรีจิสตี้

    

13. ปิด Registry Editor (ตัวแก้ไขรีจิสทรี) และรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ขณะนี้ ซอฟต์แวร์การบันทึกของคุณควรรู้จักดิสก์ไดรฟ์ หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้อัพเดตเฟิร์มแวร์ของคุณ

เรียนรู้วิธีค้นหาข้อมูลอัพเดตไดรเวอร์จากเว็บไซต์ HP

1. ไปที่หน้า ฝ่ายบริการลูกค้าของ HP - ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์และไดรเวอร์

2. หาก Let's identify your product to get started page เปิดขึ้นมา คลิกที่ Laptop หรือ Desktop

3. พิมพ์ชื่อรุ่นสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณในช่อง หรือกรอกหมายเลขผลิตภัณฑ์ จากนั้นคลิก Submit (ส่ง) ตัวอย่างเช่น พิมพ์คำว่า Pavilion HPE h8-1360t Desktop แล้วคลิก Submit (ส่ง)

   

4. หากหน้าเว็บผลิตภัณฑ์ที่ตรงกันเปิดขึ้นมา ให้เลือกหมายเลขรุ่นของคุณจากรายการ

5. หน้าผลการค้นหาซอฟต์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณปรากฏขึ้นพร้อมกับระบบปฏิบัติการเริ่มต้นที่เลือกไว้ หากคุณต้องการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ คลิก Change (เปลี่ยนแปลง) เลือกเวอร์ชันของคุณ และจากนั้นคลิก Change (เปลี่ยนแปลง)

   หมายเหตุ:

   หากไม่พบระบบปฏิบัติการที่ต้องการในรายการ แสดงว่า HP ไม่มีไดร์เวอร์สำหรับระบบปฏิบัติการดังกล่าว ใช้วิธีการอื่นเพื่อดาวน์โหลดซอฟต์แวร์และไดรเวอร์

   

6. จากรายการหมวดหมู่ของซอฟต์แวร์และไดร์เวอร์ที่มี ค้นหาซอฟต์แวร์หรือไดร์เวอร์ที่คุณกำลังค้นหา คลิกที่ชื่อหมวดหมู่ และจากนั้น คลิก Download (หมวดหมู่)

   ข้อควรระวัง:

   บางครั้งอาจมีรายการดาวน์โหลดสำหรับส่วนประกอบได้มากกว่าหนึ่งรายการ เช่น ข้อมูลอัพเดตเฟิร์มแวร์ DVD หลายตัว หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ให้ระบุส่วนประกอบที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคุณ จากนั้นดาวน์โหลดไฟล์ที่เหมาะสม ในการค้นหาชื่อส่วนประกอบของคุณ ให้ค้นหาแล้วเปิด Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ค้นหาส่วนประกอบ จากนั้นขยายหมวดหมู่ (เช่น ไดรฟ์ DVD/CD ROM) หมวดหมู่จะแสดงชื่อผู้ผลิตดั้งเดิมของส่วนประกอบ

   

7. ปฏิบัติตามคำแนะนำที่หน้าจอเพื่อติดตั้งซอฟต์แวร์หรือไดร์เวอร์